วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ปัญหาตอบ หลวงตาม้าพระนิพพานและอานิสงส์ต่าง ๆ

ปัญหาพระนิพพานและอานิสงส์ต่าง ๆ


            "จะไปนิพพานก็ต้องได้ “สังขารุเปกขาญาณ” เป็นวิปัสสนาญาณตัวสุดท้าย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน จะไปนิพพานต้องเป็นพระอรหันต์ ถ้าไม่เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานไม่ได้ พระอรหันต์เขาเป็นตอนไหน ตอนที่ตัดสักกายทิฎฐิ ได้เด็ดขาด..."

จิตลอยไปตัดใจไปนิพพาน
ผู้ถาม             หนูนั่งกรรมฐานที่ ซอยสายลม บ้าน เจ้ากรมเสริม ปรากฏว่าน้ำตาไหลและดวงจิตล่องลอยออกไปไม่ค่อยจะกลับมา เลยตัดสินใจว่าตายวันนี้ขอไปนิพพานทันที อย่างนี้พอมีโอกาสไปได้ไหมคะ เพราะตอนนั้นใจมันลอยไปแล้ว ...?
หลวงพ่อ         ใจมันลอยไป แล้วใครมันนึกล่ะ ใจลอยไปมันหมายความว่ายังไง เอาล่ะไม่เป็นไร ถือว่าตัดสินใจถูกดีกว่า นั้นแหละถูกต้องนะ อย่างนั้นแน่นอน ถ้าตายเวลานั้นไปนิพพานจริง ๆ เอาอย่างนี้ดีกว่า ง่ายดี !
ผู้ถาม             ไม่ต้องลงทุนอะไรเลยหรือครับหลวงพ่อ...?
หลวงพ่อ         ก็ลงทุนเยอะ ลงมุนต้องทิ้งบ้านมา ต้องเสียค่ารถมา ต้องเสียความสุขที่อยู่ที่บ้าน เสียความสุขที่อยู่โรงหนัง เสียความสุขในโรงเหล้า โอ๊ะ ! ลงทุนมาก โดยเฉพาะลงทุนหนักก็ตือ ต้องลงทุนทำลายกิเลส เวลานั้นจิตบริสุทธิ์จริง ๆ ขณะที่จิตลอยออก จิตนึกถึงพระนิพพานนี่ จะต้องถือว่าจิตบริสุทธิ์มาก ถ้าตายเวลานั้นไปทันที ตัดใจไปนิพพานก่อนตาย
ผู้ถาม             หนูฟังในที่หลายแห่งของหลวงพ่อว่า จิตสุดท้ายใกล้จะตาย บุญมันจะรวมตัวกันและสามารถไปนิพพานได้ แต่ถ้าหากว่าตอนนั้น ตัดได้บ้าง ตัดไม่ได้บ้างโดยเฉพาะตอนสามีมายั่ว รู้สึกว่าตัดไม่ได้สักที เกิดในตอนนั้น จะไปนิพพานได้หรือเปล่าเจ้าคะ...?
หลวงพ่อ         เอ...มายั่วว่ายังไง ยั่วท่าไหน ตอนที่ป่วยหนัก ๆ ไม่มีใครเขาเข้ามายุ่งหรอก ตอนป่วยหนัก ๆ จริง ๆ นะ อารมณ์มันก็วางอยู่แล้ว วางความรักในระหว่างเพศนะ มันไปไม่ไหวแล้ว ความต้องการความร่ำรวยมันก็ไม่ต้องการแล้ว วางความโกรธ คิดจะไปตีกับใครมันก็ไม่มีแล้ว ตอนนั้นมันวางอยู่แล้ว อีตอนที่ยังไม่เครียดซิ วางไม่ได้นะ
ผู้ถาม             มีข้อแม้เหมือนกันนะ
หลวงพ่อ         มีข้อแม้ แต่ว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าหากว่าได้ มโนยิทธิ ตอนเช้ามืดขึ้นไปนิพพานให้จิตสบาย แล้วก็ตัดสินใจว่า ตายเมื่อไรขอมาที่นี่เมื่อนั้น อันนี้ไม่พลาดแน่ เอาง่าย ๆ ดีกว่านะ
ผู้ถาม             ครับ ๆ

ตายในคุกไปนิพพานได้ไหม
ผู้ถาม             กระผมอยู่เรือนจำบางขวาง แดน ๓ ได้อ่านหนังสือ ธัมมวิโมกข์ และ คู่มือปฎิบัติกรรมฐาน ทำให้นักโทษ ๓๐ - ๔๐ คน ปฎิบัติรักษาศีล ๘ เป็นประจำ
หลวงพ่อ         เออ....ดีจริง ๆ นะ ดีมากเชียว
ผู้ถาม             ครับ แล้วก็ตั้งใจไว้อย่างนี้ว่า ถ้าตายในคุกก็ดี ตายนอกคุกก็ดี ขอไปนิพพานทันที อย่างนี้จะมีสิทธิ์ได้ไปหรือเปล่าขอรับ ...?
หลวงพ่อ         มีผลร้อยเปอร์เซ็นต์ จะตายที่ไหนก็ตามนะ จิตเขาบริสุทธิ์นะ จะตายในเรือนจำ เรือนจำน่ะมันไม่ใช่ส้วม ตายในส้วมยังไปนิพพานได้เลย เมื่อปี ๒๕๒๓ น่ะ ฉันย่อมไปแล้วในส้วม
ผู้ถาม             ลองเล่าให้ญาติโยมฟังหน่อยได้ไหมครับ
หลวงพ่อ         ลองเล่าได้รึ เรื่องเป็นเงินเป็นทอง คือว่าเมื่อปี ๒๕๒๓ ใช่ไหมล่ะ ท่านถือว่าปี ๒๕๒๕ ขาดจากอายุที่ไปขอไว้ ท่านเคยบอกว่า ถ้าท่านขอ ๒๕๒๕ ไม่ทัน ในปี ๒๕๒๓ ตอนเช้าก็ดีอยู่นะ เดินลงจากชั้นบนหิ้วกระเป๋าอุปกรณ์ที่ทำงานน่ะ ลงมาที่ตึกทำงานใช่ไหม มันก็ปกติ ถ้าป่วยก็หิ้วลงมาไม่ได้ แต่ไปถึงเอาของไปวางแล้วก็นึกอยากจะเข้าห้องน้ำ
                   พอนั่งบนโถส้วมปั๊ป ! มันมืดตื๋อไป ไม่เห็นอะไรทั้งหมด จิตพุ่งขึ้นทันที แต่ว่าพอไปถึงแล้ว ท่านไล่กลับลงมา ที่ฉันกล้ายืนยันเพราะฉันไปมาแล้ว ไปในส้วมนี่สะดวกกว่าที่อื่นหมด ไม่มีใครกวน เพราะอยู่ในส้วม เราคนเดียว อันนี้เรื่องจริง ๆ นะ ไม่เลือกสถานที่อย่างนึกว่าเรือนจำเป็นที่เลว เพราะจิตเขาน่ะ จิตเขานะบริสุทธิ์ อยู่ที่ไหนก็บริสุทธิ์ใช่ไหม นอนอยู่ในส้วมก็บริสุทธิ์ ไอ้กายสกปก แต่จิตมันบริสุทธิ์ต่างหาก
                   คนนั้นเขาดีมาก อย่าลืมว่าเขาอยู่ในเรือนจำ เขาเห็นความทุกข์อย่าลืมนะ นั้นตัวทุกข์เป็นตัว “ อริยสัจ ” นะ คือว่าการเกิดมีเป็นทุกข์อย่างนี้ คนในเรือนจำนี่ก็ไม่แน่นักว่าเขาจะมีโทษจริงหรือไม่จริง บางครั้งก็ไม่ใช่ไมีโทษจริง แต่พยานเขายันไปยันมา ทนายเห็นด้วย ผู้พิพากษาเห็นด้วย อันยการเห็นด้วยเข้าตะรางไปเลย นี่เยอะ ! อันนี้มีมาก หรือบางทีเขาอาจจะมีโทษจริง แต่ไอ้การที่เขาต้องทำผิด บางทีก็มีความจำเป็นจำใจ ถ้าเขาไล่ฆ่าเรา เราก็รักชีวิตก็ต้องหันไปป้องกันตัวแล้วต่อสู้ เผอิญเขาตาย ฝ่ายนั้นกลับไม่ผิดแต่ตายไปแล้ว
                   ไอ้คนที่ป้องกันตัวกลับมีความผิด ไอ้อย่างนี้ก็มีมาก ต้องเห็นใจเขา อย่านึกว่าคนในเรือนจำชั่วทุกคนไม่ได้
ผู้ถาม             อย่างนี้ก็ขออนุโมทนา ที่ชักชวนเพื่อนถึง ๓๐-๔๐ คน ให้ปฎิบัติกรรมฐาน
หลวงพ่อ         เออ...เขาเก่งมากนะคนนี้
ผู้ถาม             รักษาศีล ๘ เสียด้วยนะ หลวงพ่อ
หลวงพ่อ         นั้นซิ ! ศีล ๘ อย่าลืมนะ เป็นภาคพื้นของพระอนาคามีเขานะ ถ้าจิตใจเขาสบายจริง ๆ คิดว่าถ้าวันไหนไม่ได้รักษาศีล ๘ วันนั้นจิตไม่เป็นสุข นี่เขาเข้าพระอนาคามีมรรคนะ ดีกว่าฉันอีก
ผู้ถาม             เอ๊ะ ! ดียังไงครับ ?
หลวงพ่อ         ดีกว่า ฉันเป็นภิกษุแปลว่าผู้ขอเอาเรื่อย ใครให้เอาเรื่อย
ผู้ถาม             อ๋อ........
ผู้ถาม             คณะผู้จัดทำ ก็พลอยดีใจด้วยที่หนังสือนี้มีประโยชน์ แม้กระทั้งผู้อยู่ในเรือนจำ

รักพระนิพพาน
ผู้ถาม             กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกรักพระนิพพานมาก ก่อนนอนชอบภาวนาว่า “ นิพพานัง ปรมัง สุขัง” แต่ทำสมาธิไม่ดีเลย อย่างนี้ลูกจะไปนิพพานได้ไหมคะ ?
หลวงพ่อ         คำว่า “ สมาธิ ” นี่มันจำเป็น แต่คนถามไม่รู้จักตัวสมาธิ ไอ้ตัวสมาธิเขาแปลว่าตามนึกถึง ถ้านึกถึงนิพพานเขาเรียกว่า “ อุปสมานุสสติกรรมฐาน ” ทีนี้ถ้านึกถึงพระนิพพานอย่างเดียว เรารักพระนิพพาน ภาวนาว่า " นิพานัง ปรมัง สุขัง" บ้าง “นิพพานสุขัง” บ้าง “ นิพพานัง สุขัง ” บ้าง แต่ว่าก็ต้องดูอารมณ์ใจ ฝึกไว้อีกส่วนหนึ่ง คนที่จะไปนิพพานได้ต้องไม่ห่วงร่างกาย อันนี้ต้องฝึกไว้ด้วยนะ ต้องฝึกไว้ว่า ขึ้นชื่อว่าร่างกายมันเป็นสภาพของความทุกข์ ที่เรามีความทุกข์เกิดขึ้นทุกอย่าง
                   ๑. ความหิว ถ้าเราไม่มีร่างกายมันก็ไม่หิว มันหิวเพราะมีร่างกาย
                   ๒. หนาวเกินไป ร้อนเกินไป ก็เพราะร่างกาย
                   ๓. ป่วยไข้ไม่สบายก็เพราะร่างกาย
                   ๔. ต้องมีงานหนักก็เพราะร่างกาย
                   ๕. การพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ก็เพราะมีร่างกาย
                   ๖. ความตายมาถึงก็เพราะร่างกาย ก็ใช้ปัญญาทบทวนไปว่า คนระดับชั้นไหนบ้างที่มีร่างกายไม่ทุกข์ ถ้าเราจะเกิดอีกกี่ชาติ ถ้าเรามีร่างกายอย่างนี้มันก็ทุกข์อย่างนี้ แล้วขึ้นชื่อว่ามีร่างกาย มีขันธ์ ๕ แบบนี้เราจะไม่มีกับมันอีก เราต้องการจุดเดียวคือ “ นิพพาน ” ทำใจแน่นอนแล้ว ภาวนาว่า “ นิพพานัง ปรมัง สุขัง ” ก็ได้ “ นิพพานัง สุขัง ” ก็ได้ ต้องคิดอย่างนี้ก่อนแล้วภาวนา คิดแล้วก็ภวานาต่อไป อย่างนี้ใช้ได้
                   ถ้าเป็นอย่างนี้เวลาใกล้จะตายจริง ๆ อารมณ์จิตที่เราพิจารณามันจะมารวมตัว มันจะมีความรู้สึกเบื่อหน่ายในร่างกาย และวางเฉยในร่างกาย จะมีความรู้สึกว่า กานตายมีความสุขกว่า อย่างนี้ก็ไปนิพพาน
ผู้ถาม             แล้วภาวนาอย่างนี้ล่ะค่ะ มีอยู่คืนหนึ่งพิจารณาความไม่เที่ยง เลยฝันว่ามีคนจะมาเอาลูกไป ลูกหนีแทบแย่ตื่นแล้วยังมีความรู้สึกว่าเหมือนมีคนจะมาเอาเราไปจริง ๆ ทำไมภาวนาแล้วเกิดเป็นอย่างนี้เจ้าค่ะ?
หลวงพ่อ         นี่เเสดงว่ายังไปนิพพานไม่ได้แหง ๆ เพียงแค่เขาลองเขาต้องทดสอบ เทวดาเขาต้องทดสอบว่าเรามั่นคงพอไหม จะเอาไปหมายจะให้ตาย ความจริงบุคคลที่จะเข้าถึงพระนิพพาน เขามีความรู้สึกว่า ถ้าร่างกายตายเมื่อไรเขามีความสุข เขาไม่ห่วงร่างกายนะ มันต่างกันเยอะ!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น