วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จิตหลุดจากร่าง

จิตหลุดจากร่าง

ผู้ถาม             กราบเท้านมัสการหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกนั่งสมาธิพอจิตเคลิ้ม ๆ ปรากฏว่าจิตหลุดลอยออกไปทางศีรษะ นึกจะไปไหนก็เร็วทันใจนึก แต่พอจะเข้าร่างเดิมทีไร อีหลักอีเหลื่อ เบื่อหล่ายทุกที จึงมีความข้องใจว่าถ้าเกิดจิตไม่เข้าร่างอย่างนี้ตายไปจะมีโอกาสไปนิพพานได้หรือเปล่าเจ้าคะ ?
หลวงพ่อ         เอาอย่างนี้ซิ ! ถ้าไม่เข้าล่างคงจะเหม็นขี้มากกว่า มันไม่ตายหรอก ถ้าไปได้อย่างนั้นนะ บังเอิญร่างกายมันจะไปจริง ๆ นะ ก็จะไปได้ตามกำลังบุญอย่าลืมว่าอาหารออกไปนั้นเป็นฌานใช่ไหม กำลังของฌานนั้นถ้าบังเอิญเราพอใจที่พรหมก็อยู่พรหมแน่ แล้วบังเอิญเราพอใจสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่งเลือกได้ตามชอบใจ เพราะกำลังเราสูงกว่า
                   แต่ว่าถ้าก่อนที่จะออกจากร่างเราใช้วิปัสสนาญาณหวังนิพพานใช่ไหม ถ้าเวลานั้นกิเลสไม่เกาะจิต เราก็ไปนิพพานเลย แต่มันจะไม่มีนะซิ เราต้องการแบบไปแล้วไม่หลับ ถ้าวันไหนตั้งใจไปแล้วไม่กลับ วันนั้นไปไม่ได้ ไปได้ก็ถูกเขาไล่กลับมาทันที เพราะมีตัวอย่างมาเยอะแล้ว
ผู้ถาม             อย่างนี้ไม่ต้องกลัวตายนะครับ
หลวงพ่อ         ไอ้ตายน่ะไม่ต้องกลัว ตายแน่ ! ออกจากร่างได้ยังกลัวตายอีก ออกจากร่างน่ะไม่เป็นไรหรอก เอาเข้าร่างน่ะซิ อีตอนออกน่ะมันหนีขี้ไป อีตอนเข้ามาขนขี้มา แหม... มีการเข้าล่างเข้าบนด้วยนะ ไม่เป็นไรนะ ถ้าพูดถึงตามส่วนนะ กำลังใจเขาก็มี “ กายคตานุสสติ ” กับ อสุภกรรมฐาน ” ดีมาก ถ้าเขาไม่อีหลักอีเหลื่อ พอเขาเริ่มเบื่อหน่ายร่างกายใช่ไหม ว่าร่างกายนี้มันไม่ดี มันไม่เหมือนกับร่างกายที่เราออกไป ไอ้กระท่อมหลังนี้มันเต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก มีความเบื่อหน่ายอันนี้แหละดี ท่านถือว่าดีมาก

การตั้งใจไปนิพพาน
ผู้ถาม             การกำหนดจิตก่อนตายเพื่อไปพรหม ควรทำอย่างไรครับ ?
หลวงพ่อ         เออ...นี่ต้องไปลองซ้อมตายนะ ไปที่วัดจะเอายาสลบให้กิน ก่อนสลบก็ตั้งใจ ปัดโธ่! ไอ้หนู! ถามนี่มันเจ๊งแล้ว คือว่าการตั้งใจไปพรหม มันไม่ตั้งใจไปส่งเดช ฝึกอารมณ์มันให้ทรงตัว มันต้องมีทุนให้ทันพร้อม ถ้าเราได้ฌานไม่ต้องตั้งใจไปพรหมหรอก มันไปเองแหละ ก่อนจะตายก็เข้าฌาน มันไปพรหมเอง จะไปนิพพานก็ต้องได้ “ สังขารุเปกขาญาณ ” เป็นวิปัสสนาญาณตัวสุดท้าย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน จะไปนิพพานต้องเป็นพระอรหันต์ ถ้าไม่เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานไม่ได้ พระอรหันต์เขาเป็นตอนไหน ตอนที่ตัด สักกายทิฏฐิ ได้เด็ดขาด การจะเป็นอรหันต์นี่ฝึกไม่มาก ฝึกข้อเดียวคือ สักกายทิฎฐิ
                   สักกายทิฏฐิ มันมี ๓ ตอน คือ
                   ๑. มีความรู้สึกว่า ชีวิตนี้ต้องตายไม่ประมาทในชีวิต นี่เป็น “ อารมณ์ของพระโสดาบันกับพระสกิทาคามี ” นะ
                   ๒. มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ร่างกายสกปกโสโครกน่าเกลียด ไม่มีตัญหาเกิดขึ้นจากร่างกาย อย่างนี้เป็น “ อารมณ์ของพระอนาคามี ”
                   ๓. ถ้าจิตวางเฉยในร่างกายทั้งหมด ร่างกาบของเราก็ดี ร่างกายของคนอื่นก็ดี เราเฉยหมด อย่างนี้เป็น “ อารมณ์ของพระอรหันต์ ” ถ้าได้อารมณ์แบใดแบบหนึ่ง ถ้าวางเฉยได้ไปนิพพานได้ ถ้าวางเฉยไม่ได้ไปนิพพานไม่ได้
                   เรื่องพรหมเป็นของไม่ยากถ้าจิตทรงฌาน บางทีเขาไม่เคยทำกรรมฐานมาเลย เมื่อเวลาจะตาย เมื่อป่วยใหม่ ๆ จิตก็เกิดทรงญาน เพราะบุญเก่ามีอยู่ คำว่าทรงญาน ไม่ต้องไปนั่งขัดสมาธินะ แค่ตามองพระพุทธรูป จิตนึกถึงพระพุทธรูปด้วยความเคารพ และจิตจับที่นั่นโดยเฉพาะอย่างนี้เป็น “ พุทธานุสสติกรรมฐาน ” เป็นฌาน ตายแล้วเป็นพรหมทันที เป็นของไม่ยาก ยากไหม... ความจริงถ้าเข้าใจมันเป็นของไม่ยากนะ ถ้าอ่านตำรามากเกินไปอาจไม่เข้าใจ เพราะท่านเขียนเปะปะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น